วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ราชาเทนนิส ผู้เป็นตำนาน

ราชาเทนนิส ผู้เป็นตำนาน

เมื่อเอ่ยคำว่าเทนนิสโลกแล้ว ทุกคนต้องนึกถึงเขาคนนี้ที่ไม่ว่าจะรายการไหนที่เขาลงแข่ง เขามักจะสะกดคำว่า “ชัยชนะ” มากกว่า “พ่ายแพ้” แต่รู้หรือไม่ว่าราชาคอร์ทเทนนิสนามว่า “Roger Federer” ไม่ใช่แต่ชื่อของนักเทนนิสชายอันดับหนึ่งของโลก แต่เขาคือตำนานลูกสักหลาด

โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ หรือ "เฟด-เอ็กซ์" เกิดในปีค.ศ.1981 เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่จะเรียกว่าเป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์เต็มตัวก็ไม่ใช่ เนื่องจากมารดา เป็นคนแอฟริกาใต้ ส่วนบิดาเป็นชาวสวิสแท้ และมี “ไดอาน่า” น้องสาววัยห่างกันเพียงสองปี แม้ว่าอายุในการเริ่มเล่นเทนนิสของโรเจอร์นั้นอาจจะช้าไปสำหรับโปรหรือนัก กีฬามืออาชีพชื่อดังหลายคน อย่างไทเกอร์ วู้ดส์ที่เริ่มเล่นกอล์ฟเมื่ออายุได้เพียง 2 ขวบ แต่ด้วยวัยแปดปี โรเจอร์ก็สามารถเริ่มต้นกับการแข่งขันเทนนิสในระดับเยาวชน หรือ Junior tennis ได้ดี ด้วยการคว้าแชมป์หลายรายการโดยเฉพาะการชนะเลิศรายการ Wimbledon junior ปี ค.ศ.1998 ทั้งประเภทเดี่ยวและคู่พร้อมกัน นอกจากนั้นสิ้นปี เขาขึ้นเป็นเยาวชนมืออันดับหนึ่งของโลก ซึ่งนี่คงเป็นเพียงก้าวแรกแห่งความสำเร็จในวงการกีฬาลูกสักหลาดของเขา

------------------------------------------
สถิติอันดับโลกของโรเจอร์ เฟดเดอร์เรอร์
1998 – 301
1999 – 64
2000 – 29
2001 – 13
2002 – 6
2003 – 2
2004 – 1
2005 – 1
2006 – 1
2007 – 1
------------------------------------------

โรเจอร์ก้าวเข้าสู้การแข่งขันเทนนิสอาชีพในปีเดียวกัน (1998) เพียงแต่การเริ่มต้นนี้ ทำให้เขารู้ว่าถนนสายระดับโลกนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จ เนื่องจากเทนนิสไม่ได้เป็นการแข่งกับตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งนานา อย่างพีท แซมพาส, อังเดร อากัสซี่ นักเทนนิสมือวางอันดับ 1 และอันดับ 2 ในขณะนั้น โดยเฉพาะเลย์ตัน ฮีวิต นักเทนนิสดาวรุ่งที่เข้าสู่วงการเทนนิสอาชีพมาในปีเดียวกันผู้เป็นนักเทนนิส อันดับหนึ่งของโลกต่อมา (ปี 2001) แต่ด้วยบอริส เบคเกอร์ บุคคลผู้เป็นแบบอย่าง และพีท แซมพาส ผู้เป็นนักเทนนิสคนโปรดของเขา บันดาลใจให้เฟเดอเรอร์ฝึกฝนและพยายามยกระดับเทนนิสของตนเอง จนในปีแรก ค.ศ.1998 เขาจบด้วยอันดับ 301 ของโลก

ผลงานของโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ยังไม่เข้าเป้า และมีอันดับโลกไม่สวยสง่า เหมือนครั้งระดับเยาวชน จนมาในปี 2002 เมื่ออดีตยอดนักเทนนิส จอห์น แมคเอนโร ทำนายว่า โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ คือ ราชาเทนนิสผู้ยิ่งใหญ่คนต่อไป หลังจากนั้นผลงานการแข่งขันต่อ ๆ มาของโรเจอร์เป็นที่น่าประหลาดใจ เช่น ในปี 2003 เฟเดอเรอร์สร้างสถิติการรักษาเกมเสิร์ฟของตนเองได้มากถึง 35 เกมติดต่อกันและเสียเซตเพียงเซตเดียว ภายในรอบสองสัปดาห์ของรายการแกรนสแลม (รายการแข่งขันเทนนิสยิ่งใหญ่ 4 รายการแห่งปี อันได้แก่ Australian Open, French Open หรือ Rolland Garros, Wimbledon และ Us Open) แม้แต่มืออันดับ 1 ของโลกขณะนั้น เลย์ตัน ก็ต้องพ่าย ถือได้ว่าเป็นช่วงสูงสุดช่วงหนึ่งของการเล่นเทนนิสของโรเจอร์

อย่าง ไรก็ตามไม่ใครคาดคิด และไม่เห็นเค้าลางว่าคำทำนายนั้นจะเป็นจริง เนื่องจากผลงานของเฟเดอเรอร์ยังไม่ทำให้เขาขึ้นเครื่องมือหนึ่งของโลกได้ แต่ก็เป็นเพียงการสบประมาทชั่วพริบตา คำทำนายนั้นก็เป็นจริงขึ้น ซึ่งไม่ว่าจะด้วยการทำนายของนักเทนนิสระดับตำนาน หรือด้วยฝีมือของเฟเดอเรอร์เอง เขาสามารถขึ้นครองมือหนึ่งของโลกในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2004 ครั้งแรกและครั้งเดียวที่โรเจอร์ขึ้นครองโดยไม่ปล่อยให้บัลลังค์เทนนิส อันดับหนึ่งโลกนี้เป็นของคนอื่น

ปี 2004 ถือเป็นปีที่ยิ่งใหญ่ของมือวางอันดับหนึ่งของโลกคนนี้ เนื่องจากเฟเดอเรอร์ได้สร้างสถิติไว้ต่าง ๆ นานา ทั้งการคว้าแชมป์ได้ถึง 11 รายการ ซึ่งมากที่สุดในหนึ่งปีต่อจากอีวาน เลนเดิลในปี 1985 พร้อมทั้งมีอัตราการชนะถึง .925 หรือ 92.5 เปอร์เซ็นต์เทียบเท่ากับอีวานเช่นกัน และ 3 ใน 11 รายการนั้นเป็นรายการใหญ่แห่งปี (Three Grand Slam titles) ซึ่งทำได้ต่อจากแมท์ส วิแลนเดอร์ในปี 1988

เกือบสี่ปี มากกว่าพันวัน จนครบ 205 สัปดาห์เมื่อสิ้นฤดูกาลแข่งขันปี 2007 โรเจอร์สร้างสถิติการครองมือหนึ่งของโลกที่ยาวนานที่สุดเป็นอันดับสี่ รองจากพีท แซมพาส (286 สัปดาห์) อีวาน เลนเดิล (270 สัปดาห์) และ จิมมี่ คอนเนอร์ส (286 สัปดาห์) พร้อมด้วยสถืติในรายการแข่งขันอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การเป็นนักเทนนิสคนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศรายการ ใหญ่แห่งปีทั้งสี่ติดต่อกันสองปี การทำสถิติคว้าตำแหน่งชนะเลิศ 42 รายการจากการเข้ารอบชิงชนะเลิศ 51 รายการ โดยนับตั้งแต่ปี 2004 จนถึงปีปัจจุบัน (2007) และการรับเงินรางวัลตลอดการแข่งขันเทนนิสอาชีพเป็นจำนวน 38,707,078 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งจากการชนะเลิศประเภทเดี่ยว 53 รายการ และประเภทคู่อีก 7 รายการ เป็นที่สองรองจากพีท แซมพาส (43,280,489 ดอลลาร์สหรัฐ) เป็นต้น

ความสำเร็จบนสนามเทนนิสของ "เฟด-เอ็กซ์" ทำให้เขาได้รับการเชิดชูเกียรติและมอบรางวัลต่าง ๆ ทั้งใน และนอกวงการกีฬา เช่น
ปี 2003 ได้รับรางวัล “Swiss of the Year” จากผู้ชมโทรทัศน์ชาวสวิตเซอร์แลนด์
ปี 2004 ได้รับรางวัลInternational Year of Sport and Physical Education โดยสหประชาชาติ (UN) และเป็นผู้เชิญธงชาติสวิตเซอร์แลนด์ในพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิก ที่กรุงเอเธนส์
ปี 2005 ได้รับรางวัล “Sexiest Men Alive” และ “International Man of Sexiness” ในรายชื่อของ People Magazine’s
ปี 2006 ได้รางวัล “Sexy Surroundings” โดย Vogue เดือนธันวาคม
ปี 2007 อยู่ในอันดับที่ 30 ของ "The 100 most influential people in the world of sports" ในรายชื่อนิตยสาร Business Week "100 Most Influential People in World" โดย Time Magazine's ได้รับเกียรติให้จัดทำแสตมป์ โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ โดยไปรษณีย์สวิตเซอร์แลนด์ ในเมืองบาเซิล

และปี 2004 ถึงปี 2006
- ได้รับรางวัล “Stefan Edberg Sportsmanship award” และ “ATPtennis.com fans’ favorite in 2004-06” เป็นผู้เล่นแห่งปีของ ATP (Association of Tennis Professionals)
- ได้รับรางวัล I.T.W.A. Player of the Year and Ambassador for Tennis award winner

โรเจอร์ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนศึก เทนนิส มาสเตอร์ส คัพ รายการส่งท้ายฤดูกาลปี 2007 ที่ เซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า “ตนตั้งเป้าลงดวลแร็กเกตต่อไปจนกระทั่งอายุ 35 ปี” อย่างมั่นใจ และสร้างความฮือหากับสื่อมวลชนด้วยการเลือก แบรด พิตต์ ดาราภาพยนตร์ชื่อดังมาสวมบทตนเอง หากมีการสร้างหนังชีวิตนักหวดดาวดังชาวสวิสคนนี้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม วัย 26 ปีของโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ยังต้องตระหนักถึงการเล่นและสภาพร่างกายในระหว่างทางก่อนที่จะถึง วัย 35 ตามที่กล่าวไว้

จากคนธรรมดาคนหนึ่งที่สนุกกับการนั่งบนชายหาด ชอบเล่นไพ่และปิงปอง อีกทั้งเป็นแฟนตัวยงของทีมฟุตบอล บาเซิล สโมสรเมืองเกิด จนเป็นนักกีฬาเทนนิสมืออาชีพระดับโลก และที่หนึ่งระดับตำนาน

“การ เป็นที่หนึ่งเป็นเรื่องยาก แต่การรักษาที่หนึ่งไว้ยากกว่า” คำกล่าวนี้ เขาได้พิสูจน์ให้ผู้ที่ชื่นชอบกีฬาเทนนิส ผู้ที่เคยสบประมาทเขาไว้ และผู้ชมทั่วโลกแล้ว จากความสามารถของนักเทนนิสอันดับหนึ่งของโลกชาวสวิตเซอร์แลนด์ (ถึงแม้จะเป็นลูกครึ่งก็ตาม) นามว่า “โรเจอร์ เฟเดอเรอร์”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น